เคล็ดลับสุขภาพดี ลดความเสี่ยงจากโรคในห้องแอร์
ช่วงนี้อากาศประเทศไทยร้อนสุดขีด ไม่แปลกที่หลายคนจะเปิดแอร์เพื่อคลายความร้อนแทบจะตลอดทั้งวัน อย่างไรก็ตาม หากแอร์สกปรกหรือไม่ล้างแอร์เป็นเวลานาน อาจกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคต่าง ๆ จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพนำไปสู่การเจ็บป่วยได้ ไม่อยากเสี่ยงป่วยด้วยโรคในห้องแอร์ เรามีเคล็ดลับดี ๆ มาฝาก
หากแอร์สกปรกหรือไม่ล้างแอร์เป็นเวลานาน ความชื้นจากตัวแอร์และท่อน้ำทิ้งจะก่อให้เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียลิจิโอเนลลานิวโมฟิวลา หากหายใจเอาฝอยละอองน้ำที่มีเชื้อนี้ปนเปื้อนเข้าไปจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยลักษณะอาการที่พบมี 2 แบบ คือ 1) แบบมีอาการปอดอักเสบรุนแรง มีไข้สูง ไอ หนาวสั่น เรียกว่า โรคลิเจียนแนร์ 2) แบบมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เรียกว่า ไข้ปอนเตียก นอกจากนี้ การอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ อาจนำไปสู่โรคอื่น ๆ อาทิ โรคทางเดินหายใจ ผื่นแพ้ ผิวแห้ง วัณโรค อีสุกอีใส หืดหอบ ปอดบวม หัดเยอรมัน โรคตึกเป็นพิษ ภาวะติดเชื้อ เนื่องจากในเครื่องปรับอากาศมีเชื้อโรคที่แฝงอยู่มากมาย
ทั้งนี้ เมื่อเปิดแอร์ควรสังเกตว่าอากาศที่ออกมาจากแอร์มีกลิ่นเหม็นหรือมีกลิ่นอับหรือไม่ (หากเปิดแอร์แล้วได้กลิ่นอับ นั่นแปลได้ว่ามีเชื้ออันตรายจำนวนมากแฝงอยู่ในแอร์) หากแอร์มีกลิ่นควรล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศที่อยู่ในแอร์ด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หากล้างทำความสะอาดแล้วกลิ่นไม่หาย ควรเรียกช่างเพื่อทำความสะอาดแบบเต็มระบบ
เคล็ดลับสุขภาพดี ลดความเสี่ยงจากโรคในห้องแอร์
1. หมั่นล้างทำความสะอาดแอร์เป็นประจำ หากเป็นแอร์ตามบ้านควรล้างแผ่นกรองอากาศด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค โดยใช้น้ำฉีดแรง ๆ ที่ด้านหลัง และด้านที่ไม่ได้รับฝุ่นให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกหลุดออกอย่างน้อยเดือนละครั้งและควรล้างแอร์แบบเต็มระบบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเช่นเดียวกัน แต่หากใช้เป็นประจำทุกวัน ควรล้างทำความสะอาดประมาณ 6 เดือนต่อครั้ง เพื่อช่วยลดเชื้อโรคที่อาจสะสมอยู่ในแอร์ สำหรับแอร์ในห้องพักต้องทำความสะอาด ถาดรองน้ำที่หยดจากท่อคอยส์เย็นทุก 1-2 สัปดาห์ ไม่ให้มีตะไคร่เกาะหรือใส่น้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
2. ปรับอุณหภูมิห้องให้เหมาะสม ไม่เย็นจนเกินไป หรือร้อนจนไม่ต่างจากอากาศภายนอก สำหรับการตั้งอุณหภูมิในช่วงหน้าร้อนนี้แนะนำที่ 24-28 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมกับร่างกาย และไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ
3. ระวังไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ด้วยการล้างมือให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ ไม่แคะ แกะ เกา จับบริเวณหน้า จมูก ปาก รวมทั้งอยู่ในที่มีอากาศถ่ายเท และอยู่ห่างจากผู้ที่เป็นหวัด
4. รักษาความอบอุ่นของร่างกาย รวมถึงระวังไม่ให้ทางเดินหายใจแห้ง โดยการสวมหน้ากากอนามัยหรือผ้าปิดปากที่จะช่วยเก็บความชื้นและความอุ่นของลมหายใจ ทำให้ทางเดินหายใจชื้นและชุ่มชื้น ทาลิปบาล์ม ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ หากมีอาการคัดจมูกหรือจามบ่อย ๆ ควรล้างจมูก เพื่อทำความสะอาดและล้างสารคัดหลั่งออกจากจมูก
5. สร้างภูมิต้านทานด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักผลไม้สด เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามิน สำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ควรหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
การล้างทำความสะอาดแอร์เป็นเรื่องสำคัญที่ควรทำเป็นประจำ เพราะนอกจะช่วยลดเชื้อโรคที่สะสมอยู่ภายในแอร์ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ แล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้ารวมถึงประหยัดค่าไฟฟ้าได้อีกด้วย