โรคภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ...ภัยจากอากาศเย็นที่ต้องระวัง
ถ้าคุณมีอาการของโรคภูมิแพ้ ไม่ว่าชนิดใดก็ตาม อาการทางผิวหนังที่เราเรียกว่า “โรคภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ” มักปรากฏด้วยเสมอ ซึ่งอาการแบบนี้ที่จริงแล้ว เกิดขึ้นได้ทุกฤดูกาลเลยค่ะ แต่จะกำเริบหนักในช่วงหน้าหนาว เพราะอากาศแห้งและเย็น อาการที่สังเกตได้ง่ายคือเป็นลมพิษ แต่มีน้ำมูกไหล หอบ หืด คล้ายแพ้อากาศร่วมด้วยนั่นเองค่ะ
โรคภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ (Atopic Dermatitis) เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ไม่ใช่โรคติดต่อ มักเริ่มพบในวัยเด็ก โดยแบ่งลักษณะตามช่วงอายุได้เป็น 3 ช่วง ดังนี้ 1. วัยทารก เริ่มมีอาการคันและผื่นขึ้นตั้งแต่อายุประมาณ 6-8 สัปดาห์ อาการคันอาจเป็นมากจนเด็กอายุถึง 2 ขวบ โดยพบเป็นผื่นที่แก้มทั้ง 2 ข้าง หรือตามด้านนอก ของแขน ขา ลำตัว 2. วัยเด็ก ผื่นผิวหนังในช่วงวัยเด็ก มักเป็นตามข้อแขนข้อพับและขา ผื่นจะแดง คลำดูพบว่าหนากว่าปกติ อาการคันอาจเป็นรุนแรงมาก จึงทำให้เด็กหงุดหงิดรำคาญ 3. วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ พบว่าโรคผิวหนังภูมิแพ้ในวัยทารกและวัยเด็กอาจหายไปเองใน 2-3 ปี แต่กลับมากำเริบอีกครั้งในวัยรุ่น อาจมีอาการคันอย่างมาก อาการคันมักกำเริบ ตอนกลางคืน ผื่นคันมักเป็นตามข้อพับ แขน ขา ใบหน้า หัวไหล่ และด้านบนลำตัว
วิธีการดูแลตัวเองสำหรับผู้เป็นภูมิแพ้โรคผิวหนัง 1. ไม่ควรใช้สบู่มากเพราะผิวหนังในโรคนี้แห้งมากอยู่แล้ว ถ้าจะใช้ให้ใช้สบู่อ่อนหรือสบู่ที่มีไขมันสูง ชำระล้างบริเวณที่สกปรกเท่านั้น ไม่ควรขัดฟอกแรง ๆ ไม่ควรนอนแช่ในอ่างอาบน้ำ ใช้ขันตักอาบหรืออาบน้ำฝักบัวจะดีกว่า และหลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัด 2. หลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าขนสัตว์ที่หนา ควรใส่เสื้อผ้าฝ้ายทอโปร่ง ๆ เป็นต้น 3. ไม่ควรเลี้ยงสัตว์ เพราะอาจแพ้โปรตีนที่อยู่ในเศษขี้ไคล น้ำลาย และฉี่ ซึ่งสัตว์ทุกตัวมีโปรตีนเหล่านี้ 4. หลีกเลี่ยงข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นขน เช่น พรม ของใช้ยัดนุ่น ขนเป็ด ตุ๊กตา เป็นต้น 5. หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นละออง สารเคมีจากโรงงานอุตสาหกรรม ควันไอเสีย สเปรย์ น้ำมัน รวมถึงแหล่งที่อาจกระตุ้นการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ เพราะการอักเสบติดเชื้อเหล่านี้ทำให้ความต้านทานของผิวหนังต่ำลง และผิวหนังอักเสบกำเริบง่ายขึ้น 6. พยายามไม่เข้าใกล้คนที่เป็นเริม เพราะผู้ป่วยที่มีผิวหนังอักเสบจากโรคผิวหนังภูมิแพ้อยู่แล้วอาจได้รับเชื้อไวรัสเริม และเกิดการติดเชื้อเริมลุกลามได้มา ผิดปกติ 7. พยายามควบคุมและระงับสติอารมณ์ไว้ อย่ามีความเครียดมากเกินไป พบได้บ่อยว่าผื่นผิวหนังกำเริบเมื่อผู้ป่วยเครียด พ่อแม่ผู้ปกครองเด็กก็ต้องไม่ เครียดและวุ่นวายมากเกินควร 8. พยายามอย่าเกาบริเวณที่คัน เพราะการเกาผิวหนังทำให้ผิวหนังถลอก และเกิดการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียตามมาได้
ทั้งหมดนี้คือเรื่องที่ควรรู้เท่าทันและระมัดระวังสำหรับผู้ป่วยเป้นโรคภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบค่ะ จะเห็นได้ว่าหากผู้ป่วยโรคนี้และผู้ปกครองมีความเข้าใจ ก็สามารถดูแลกันได้อย่างรอบคอบมากขึ้น เพราะอาการบางอย่างค่อนข้างมีรายละเอียดจำเพาะซึ่งต้องให้ความรอบคอบเป็นพิเศษด้วย แต่แม้ว่าโรคนี้จะก่อให้เกิดความน่ารำคาญเพียงใดก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงชีวิต ดังนั้น จึงควรมองในแง่บวกไว้นะคะ อย่าเครียดมากจนเกินไป
มา “สุขใจเพราะเราเลือกดูแลกัน” ด้วย “โรคภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ...ภัยจากอากาศเย็นที่ต้องระวัง” และเมื่อไอให้นึกถึงเฟลมเม็กซ์นะคะ
ข้อมูลจาก สสส.
|